วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

“อัญชลี” หวั่นปัญหาการเมือง-แพงทั้งแผ่นดินปะทุกลางปีนี้

อัญชลีห่วงปัญหาการเมืองต้องจับตามองเป็นพิเศษ การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อนำคนคนเดียวกลับประเทศ และเศรษฐกิจภูเก็ตที่มีสินค้าแพงทั้งแผ่นดินบรรจบกันกลางปีนี้ กลายเป็นไฟสุมขอนให้ลุกฮือ
      
       นางอัญชลี วานิช เทพบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จ.ภูเก็ต พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในขณะนี้ ภายหลังเป็นประธานเปิดสำนักงานสาขาพรรคประชาธิปัตย์เขต 2 ว่า การเมืองในระยะนี้ที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษและสิ่งที่ทำให้ประชาชนรู้สึกอึด อัดใจค่อนข้างมากในขณะนี้ คือ การแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งคณะกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
      
       โดยทราบภายในว่า จะมีการส่งเรื่องกลับมายังสภาผู้แทนราษฎรในช่วงประมาณปลายเดือนเมษายนหรือ ต้นเดือนพฤษภาคมนี้ สำคัญสุดหากมีการแก้ไขเรื่องการเลือกตั้ง สสร.ตลอดจนการกำหนดห้วงเวลา และวิธีการสำหรับการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นไปในทิศทางที่สวนกับ ความรู้สึกของพี่น้องประชาชน เข้าใจว่าจะมีการต่อต้านอยู่ค่อนข้างมาก จึงต้องจับตาดูในประเด็นการเมืองและความคิดเห็น
      
       และอีกเรื่องที่จะมาสอดรับกัน คือ คณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้เป็นข่าวที่ค่อนข้างกว้างขวางมาก เมื่อสถาบันพระปกเกล้าได้ออกมาบอกชัดเจนว่า ข้อเสนอที่ทางสถาบันพระปกเกล้าได้ทำการวิจัยมานั้น วิธีการที่จะทำให้การปรองดองเกิดขึ้นจริงนั้น ต้องทำให้เกิดความเข้าใจกับคนทั่วประเทศก่อน โดยเฉพาะการตกผลึกทางความคิดและการยอมรับ แต่หากคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติตัดสินใจใช้เสียงมติข้างมากลากไปอีกครั้ง ส่วนตัวคิดว่านั่นจะกลายเป็นจุดเดือดทางการเมืองที่จะมาบรรจบกับการแก้ไข กฎหมายรัฐธรรมนูญ
      
       นางอัญชลี กล่าวต่อไปว่า หากทั้งสองประเด็นเดินทางมาบรรจบกันนับเป็นเรื่องที่น่าห่วง แต่ก็ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันบ้านเมืองเดินมาในทิศทางซึ่งเสียงส่วนใหญ่ไม่ให้ความเคารพเสียงส่วน น้อยหรือเสียงของพี่น้องประชาชนโดยรวม ที่สำคัญอีกประการ คือ เมื่อมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติ และเราเชื่อว่าเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งเพียงคนเดียวมาพบกัน การใช้เงินงบประมาณของพี่น้องประชาชนเพื่อการเยียวยาผู้เสีย 7.5 ล้านบาท ก็จะเกิดเป็นประเด็นทางการเมืองซึ่งเปรียบเหมือนไฟสุมขอนที่มาเจอโดยพร้อม เพรียงกัน จึงคิดว่ากลางปีนี้มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงอีกหลายเรื่อง
      
       "การขยายฐานเปิดหมู่บ้านแดงในพื้นที่ภาคใต้นั้น คนใต้นอกจากเป็นคอการเมืองจริงๆ แล้ว ยังมีการติดตามข่าวสารบ้านเมืองมาโดยตลอด เชื่อมั่นว่าคนใต้ส่วนใหญ่ทราบและเข้าใจดีว่าอะไรเกิดขึ้นกับบ้านเมือง และนักการเมืองคนใดทำงานเพื่อประเทศชาติและบ้านเมืองจริงๆ คนที่มาตีกินหรือฉกฉวยในห้วงโอกาสต่างๆ หลอกชาวใต้ไม่ได้" นางอัญชลีกล่าวต่อและว่า
      
       ส่วนเรื่องของการเปิดหมู่บ้านแดงนั้น อยากบอกว่าขณะที่รัฐบาลบอกทำเรื่องปรองดองแห่งชาติ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยหยุดเลย คือ การสร้างความแตกแยกแห่งชาติด้วยการขยายฐานหมู่บ้านให้คนแบ่งแยกเป็นสีเป็น ก๊กเป็นเหล่า มีการให้ข้อมูลที่บิดเบือนและให้ข้อมูลที่เป็นพิษเป็นภัยกับประเทศชาติถือ เป็นเรื่องที่น่ากลัวอย่างมาก นั่นเป็นการแสดงตัวตนของเขาอย่างแท้จริงว่าไม่ได้ต้องการปรองดองจริง
      
       "ที่ผ่านมาคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ ผู้นำฝ่ายค้านได้นำเสนอปัญหาดังกล่าวไปยังนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์แล้ว ในฐานะที่หัวหน้ารัฐบาล และเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรครัฐบาลควรจะต้องตระหนักในเรื่องเหล่า นี้ ในขณะที่ปากคุณบอกว่าต้องการทำเรื่องปรองดอง แต่บรรดาลิ่วล้อหรือเครือข่ายกลับไม่หยุดการกระทำเพื่อสร้างการแบ่งแยกเลยนางอัญชลี กล่าวต่อและว่า
      
       ภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตยังคงประสบเคราะห์กรรมเหมือนกับจังหวัด อื่นๆ ทั่วประเทศ คือ เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้องของพี่น้องประชาชน สินค้ามีราคาแพงหรือที่เรียกว่าแพงทั้งแผ่นดิน ซึ่งรัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขในเรื่องดังกล่าวให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้ควรจะดำเนินการก่อนที่จะมาแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือแก้ไขปัญหาทางการเมืองเพื่อใครเพียงคนเดียว
      
       เข้าใจว่าในระยะนี้พี่น้องประชาชนภูเก็ตต้องระมัดระวังในการ ประคองชีวิตให้พ้นวิกฤตเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น ประกอบกับมาเจอกับช่วงโลว์ซีซันของภูเก็ตและอันดามัน ซึ่งก็พยายามบอกพี่น้องประชาชนว่าอย่าตั้งอยู่บนความประมาทและมีการออม ทรัพย์ รวมถึงดูทิศทางลมของบ้านเมือง หากเราสามารถประคับประคองธุรกิจในช่วงหน้าโลว์ซีซันนี้ไปได้ สามารถแก้ไขวิกฤตได้ทันด้วยตัวเองก็จะเป็นเรื่องที่ดี
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป