วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

เปิดเวทีทวงคืนเขาวิหารที่ศรีสะเกษ ขึ้นป้ายจวก “ศาลลวงโลก”




ประเดิมเปิดปราศรัยแล้ว เวทีทวงคืนเขาพระวิหารที่ อ.กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ พร้อมขึ้นป้ายใหญ่ ไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลลวงโลกด้านแกนนำเรียกร้องให้รัฐบาลไทยยึดแนวทางอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ.1941 แก้ไขปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชาที่เขาพระวิหาร ขณะอดีตทหารผ่านศึกเกาหลีรุ่นเก๋าเข้าร่วมชุมนุมด้วย ส่วนทหาร-ตร. ตั้งด่านสกัดเข้มเส้นทางมุ่งชายแดน
      
       วันที่ 12 ม.ค.56 เมื่อเวลา 14.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเปิดเป็นศูนย์ประสานงานหมู่บ้านสมัชชาธรรมยาตราพิทักษ์สยาม ทวงคืนเขาพระวิหาร มณฑลบูรพา โดยอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ.1941” ได้มีกลุ่มธรรมยาตราฯ และกลุ่มพลังมวลชนจากทั่วประเทศ ประมาณ 50 คน นำโดย นายสมาน ศรีงาม นายปราโมช หอยมุก นายเสวต ทีนะกุล และ นพ.ประทีป ตลับทอง มารวมกลุ่มกัน พร้อมติดตั้งป้ายขนาดใหญ่มีข้อความว่าประเทศไทยและประชาชนไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก (ศาลลวงโลก) ที่จะตัดสินคดีพื้นที่เขาพระวิหารและเขตแดนไทย-กัมพูชา
      
       พร้อมได้ทำการเปิดเวทีปราศรัยเกี่ยวกับกรณีเขตแดนไทย-กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหาร โดยมีบรรดาแกนนำผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นปราศรัย และได้เรียกร้องให้รัฐบาลไทยได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีเขาพระวิหารอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเกรงว่าหากมีคำพิพากษาของศาลโลกออกมาในปีนี้ อาจทำให้ไทยต้องเสียดินแดนที่บริเวณเขาพระวิหาร
      
       โดยมีเจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจ สภ.บึงมะลู มารักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเข้มงวด ซึ่งตั้งด่านของทหาร และตำรวจตรวจเข้มตามส้นทางไปผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา แต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด
      
       นายสมาน ศรีงาม แกนนำกลุ่มธรรมยาตรากอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทยกรณีปราสาทพระวิหาร มลฑลบูรพา กล่าวว่า การชุมนุมในครั้งนี้เป็นการชุมนุมโดยสงบ และสันติวิธี และเป็นการผลิตอาวุธทางปัญญากรณีเขาพระวิหารให้แก่ประชาชนในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ได้รับทราบข้อเท็จจริงว่า ปราสาทพระวิหารปัญหาที่แท้จริงเกิดจากอะไร ซึ่งโดยข้อเท็จจริงแล้วปัญหาเขาพระวิหาร และปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชาจะสามารถแก้ไขได้โดยการนำเอาอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ.1941 มาใช้
      
       ทั้งนี้ ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยฟ้องศาลโลกเพื่อให้นำเอาอนุสัญญาโตเกียว ค.ศ.1941 มาบังคับใช้ เนื่องจากการที่กัมพูชาได้นำสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 ไปฟ้องศาลโลก เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2502 ซึ่งนายปรีดี พนมยงค์ ต้องการจะให้สนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ฉบับนี้เป็นโมฆะ จึงไม่ขอสัตยาบันจากรัฐสภาไทยเช่นเดียวกับอนุสัญญาโตเกียวฯ
      
       ดังนั้น สนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส จึงเป็นโมฆะ อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ และผลการตัดสินให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชาเมื่อ พ.ศ.2505 จึงเป็นโมฆะอย่างสิ้นเชิง และการดำเนินการเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร เช่น การจดทะเบียนเป็นมรดกโลก ก็ต้องตกเป็นโมฆะเช่นกัน ซึ่งตน และคณะจะพากันต่อสู้เรียกร้องในเรื่องนี้อย่างเต็มที่ จนกว่ารัฐบาลไทยจะมีการแก้ไขปัญหาด้วยหลักฐานข้อเท็จจริงที่ถูกต้องต่อไป
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการชุมนุมครั้งนี้ ได้มี ส.ท.พเยาว์ เกิดโภค อายุ 83 ปี อยู่บ้านเลขที่ 167 ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ อดีตทหารผ่านศึกเกาหลี ปี 2493 รุ่น 2 และคณะ มาร่วมชุมนุมด้วย ซึ่ง ส.ท.พเยาว์ กล่าวว่า ตนต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมืองทั้งในประเทศ และต่างประเทศมาจนอายุปานนี้แล้ว จะไม่ยอมเสียดินแดนไทยที่บริเวณเขาพระวิหารอย่างเด็ดขาด และขอยืนยันว่า การใช้อนุสัญญาโตเกียว ค.ศ.1941 มาบังคับใช้เท่านั้น จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาเขตแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และเขตแดนไทยที่บริเวณเขาพระวิหารได้ ซึ่งหากใช้อนุสัญญาโตเกียวนี้เขาพระวิหารทั้งลูกจะต้องเป็นของไทย ไม่ใช่ของกัมพูชาอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้
      
       ทางด้าน นายพยม ธารีชาญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า การชุมนุมดังกล่าว ทางจังหวัดฯ ได้ประสานงานกับทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายทหาร และตำรวจ และฝ่ายปกครองเพื่อวางแผนป้องกัน และรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่ ซึ่งขณะนี้ทั้งทหาร และตำรวจได้จัดตั้งด่านตรวจเข้มตลอดตามเส้นทางที่มุ่งสู่ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็นทั่วไป